วันพุธที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2560

ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ (Computer Software)

ความหมายของซอฟต์แวร์

ซอฟต์แวร์ (Software) หมายถึง ส่วนที่มนุษย์สัมผัสไม่ได้โดยตรง (นามธรรม) เป็นโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่เขียนขึ้นอย่างมีลำดับขั้นตอน เพื่อควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์จึงเป็นเหมือนตัวเชื่อมระหว่างผู้ใช้คอมพิวเตอร์และเครื่องคอมพิวเตอร์ ถ้าไม่มีซอฟต์แวร์เราก็ไม่สามารถใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำอะไรได้เลย

ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software)
เขียนขึ้นเพื่อควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ประสานกันและควบคุมลำดับขั้นตอนการทำงานของระบบต่างๆ ได้แก่
      1. โปรแกรมระบบปฏิบัติการ (Operating System Program) มีหน้าที่
– จองและกำหนดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์
– จัดตารางงาน
– ติดตามผลระบบ
– ทำงานหลายโปรแกรมพร้อมกัน
– การจัดแบ่งเวลา
– ประมวลผลหลายชุดพร้อมกัน
ประเภทของโปรแกรมระบบปฏิบัติการ
1. โปรแกรมที่ทำงานด้านควบคุม (Control Programs) หมายถึง โปรแกรมที่ใช้ควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ supervisor และ โปรแกรมควบคุมงานด้านอื่นๆ
2. ระบบปฏิบัติการของไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer Operating System หรือ OS)หมายถึงโปรแกรมที่ทำหน้าที่ประสานการทำงาน ติดต่อการทำงาน ระหว่างฮาร์ดแวร์กับซอฟต์แวร์ประยุกต์เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้ Software ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำหน้าที่ในการจัดการ ระบบ ดูแลรักษาเครื่อง การแปลภาษาระดับต่ำหรือระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่องเพื่อให้เครื่องอ่านได้เข้าใจ จะมีลักษณะเฉพาะโดยขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการและฮาร์ดแวร์ ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานข้ามระบบปฏิบัติการได้ โดยระบบปฏิบัติการที่ใช่กับเครื่องคอมพิวเตอร์ ได้แก่ MS-DOS, Windows 3.X, Window 95, Window 98, Window Millennian Edition, Window NT, Window 2000 Professional/Standard, Window XP, Mac OS, OS/2 Warp Client, Unix, Linux, Solaris
3. ระบบปฏิบัติการตามลักษณะการทำงาน ได้แก่ ระบบปฏิบัติการสำหรับคอมพิวเตอร์แบบ Stand-Alone, ระบบปฏิบัติการแบบฝัง, ระบบปฏิบัติการเครือข่าย, ระบบปฏิบัติการบนเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่, ระบบปฏิบัติการแบบเปิด
       2. โปรแกรมอรรถประโยชน์ (Utilities Program) เป็นโปรแกรมระบบอีกประเภทหนึ่งที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในระหว่างการประมวลผลข้อมูลหรือในระหว่างที่กำลังใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งโดยปกติแล้วโปรแกรมอรรถประโยชน์จะทำงานร่วมกับโปรแกรมระบบปฏิบัติการ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ของโปรแกรมระบบปฏิบัติการในการควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น โปรแกรมที่ทำหน้าที่จัดเตรียมเนื้อที่ในดิสก์ ทำให้สามารถบันทึกข้อมูลลงบนดิสก์ได้ หรือโปรแกรมที่อำนวยความสะดวก ในการทำสำเนาข้อมูลของโปรแกรมที่ต้องการเพื่อนำไปใช้ในที่ต่างๆ ได้หรือช่วยให้ผู้ใช้สามารถเขียนโปรแกรม สร้างแฟ้มข้อมูล หรือข้อความต่างๆ ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ได้เป็นต้น ตัวอย่างของโปรแกรมอรรถประโยชน์ที่นิยมใช้กันได้แก่ โปรแกรม Sidekick, PC-Tool หรือ Norton Utility เป็นต้น
       3. โปรแกรมแปลภาษา ( Translator) เป็นโปรแกรมซึ่งมักเขียนขึ้นมา โดยบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ หรือบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ เพื่อใช้ในการแปลความหมายของคำสั่งในภาษาคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในรูปที่เครื่องคอมพิวเตอร์เข้าใจและทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการโปรแกรมที่เขียนด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ได้แก่ ภาษาเบสิก ภาษาโคบอล ภาษาปาสคาล หรือภาษาซี เป็นต้น โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์เหล่านี้จะต้องใช้โปรแกรมแปลภาษาเพื่อทำการแปลคำสั่งในภาษาเหล่านี้ให้เป็นภาษาเครื่องเสียก่อน ซึ่งภาษาเครื่องเป็นภาษาเดียวที่คอมพิวเตอร์เข้าใจ และสามารถทำงานได้ โปรแกรมแปลภาษาที่ใช้กันในปัจจุบัน แบ่งออกได้เป็น 2 แบบ คือ
1.คอมไพเลอร์ (Compiler) เป็นโปรแกรมแปลภาษาที่เขียนด้วยภาษาระดับสูง หรือซอร์สโปรแกรมให้เป็นโปรแกรมภาษาเครื่อง หรือออบเจ็กต์โปรแกรมในครั้งเดียว ในระหว่างการแปลให้เป็นภาษาเครื่องนั้นคอมไพเลอร์จะตรวจสอบความถูกต้องของการใช้คำสั่งแต่ละคำสั่งในภาษานั้นๆ ว่าถูกต้องตามกฎเกณฑ์ หลักไวยากรณ์ของภาษานั้นๆ หรือไม่ นอกจากนี้คอมไพเลอร์จะแปลคำสั่งนั้นให้เป็นคำสั่งภาษาเครื่องได้ ถ้าพบว่ามีการใช้คำสั่งไม่ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ของคำสั่งนั้น (Syntax Error) คอมไพเลอร์ก็จะแจ้งข่าวสารข้อความ (Error Message) ให้ผู้เขียนโปรแกรมทราบถึงข้อผิดพลาดในคำสั่ง ดังนั้นผู้เขียนโปรแกรมจะต้องแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆ ของโปรแกรมให้ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ของภาษาคอมพิวเตอร์ที่เลือกใช้เสียก่อน และจะต้องทำการแปลโปรแกรมดังกล่าวทั้งโปรแกรมใหม่จนกว่าจะไม่มีข้อผิดพลาด จึงได้โปรแกรมภาษาเครื่องที่สมบูรณ์และพร้อมที่จะทำการประมวลผลต่อไปได้
2. อินเตอร์พรีเตอร์ (Interpreter) เป็นโปรแกรมแปลภาษาอีกประเภทหนึ่งที่จะแปลคำสั่งที่เขียนด้วยภาษาระดับสูงครั้งละ 1 คำสั่ง ให้เป็นภาษาเครื่องแล้วนำคำสั่ง ที่เป็นภาษาเครื่องนั้นไปทำการประมวลผลทันที หลังจากนั้นก็จะรับคำสั่งถัดไปในโปรแกรมเพื่อแปลเป็นคำสั่งภาษาเครื่อง แล้วทำการประมวลผล ทำเช่นนี้เรื่อยไปจนกว่าจะจบโปรแกรม ในระหว่างการแปลถ้าหากพบข้อผิดพลาดทางด้าน กฎเกณฑ์ของภาษาในคำสั่งที่รับมาแปล อินเตอร์พรีเตอร์ก็จะหยุดการทำงาน พร้อมทั้งแจ้งข้อผิดพลาด (Error Message) นั้นๆ ให้ผู้เขียนโปรแกรมทราบ เพื่อทำการแก้ไขให้ถูกต้อง การแปลโปรแกรมด้วยอินเตอร์พรีเตอร์ ส่วนใหญ่ไม่มีการเก็บออบเจ็กต์โปรแกรมไว้เหมือนกับคอมไพเลอร์ ดังนั้นเมื่อต้องการใช้งานโปรแกรมนั้นซ้ำอีก จำเป็นต้องทำการแปลคำสั่งใน โปรแกรมนั้นใหม่ทุกครั้ง คอมไพเลอร์จะทำการแปลโปรแกรมภาษาระดับสูงทั้งโปรแกรมให้เป็นภาษาเครื่อง หรือออบเจ็กต์โปรแกรมในครั้งเดียว ในการแปลนี้คอมไพเลอร์จะตรวจสอบความผิดพลาดต่างๆ ของโปรแกรมให้ด้วย และจะยอมให้ออบเจ็กต์ (Object Program) ทำงานก็ต่อเมื่อโปรแกรมได้รับการแก้ไขจนไม่มีที่ผิดแล้วอินเตอร์พรีเตอร์จะทำการแปลโปรแกรมภาษาระดับสูงเป็นภาษาเครื่อง โดยแปลทีละคำสั่งแล้วทำงานตามคำสั่งนั้นทันทีและจะหยุดการทำงานเมื่อสิ้นสุดโปรแกรม หรือเมื่ออินเตอร์พรีเตอร์พบข้อผิดพลาดในคำสั่งที่แปลนั้นๆ อินเตอร์พรีเตอร์จะไม่สร้างออบเจ็กต์โปรแกรมขึ้นมา
ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)
เป็นซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่สร้างขึ้น เพื่อทำงานเฉพาะอย่างโดยประยุกต์ใช้ในงานด้านต่างๆ เช่น ซอฟต์แวร์คำนวณเงินเดือนพนักงาน ซอฟต์แวร์ระบบบัญชีหรือซอฟต์แวร์ระบบคลังสินค้า เป็นต้น โดยซอฟต์แวร์ประยุกต์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
1. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่ผู้ใช้พัฒนาขึ้นเอง (Customized Application Software) เป็นซอฟต์แวร์ที่ผู้ใช้มีความต้องการให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานบางอย่างให้ ซึ่งเป็นงานที่ไม่เคยมีผู้ใดพัฒนาโปรแกรมสำหรับทำงานลักษณะนี้มาก่อน ผู้ใช้จึงต้องพัฒนาโปรแกรมนี้ขึ้นมาเอง
2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์แบบสำเร็จ (Package Application Software) เป็นซอฟต์แวร์ที่เขียนขึ้นเพื่อใช้ประมวลผลงานลักษณะใดลักษณะหนึ่งซึ่งมีผู้พัฒนาไว้เรียบร้อยแล้ว ผู้ที่ต้องการใช้ซอฟต์แวร์ในลักษณะเดียวกันนี้เพียงแต่ไปซื้อหามาใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อใช้เอง เราสามารถแบ่งซอฟต์แวร์สำเร็จรูปออกเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้
2.1 โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อการใช้งานด้านการพิมพ์เอกสาร (Word Processing Software)
2.2 โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อการใช้งานด้านการคำนวณ (Spreadsheet Software)
2.3 โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อใช้จัดการฐานข้อมูล (Database Management Software)
2.4 โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อการใช้งานด้านการพิมพ์ตั้งโต๊ะ (Desktop Publishing Software)
2.5 โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อการใช้งานด้านกราฟฟิก (Graphic Software)
2.6 โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อการใช้งานประมวลผลทางสถิติ (Statistical Software)
2.7 โปรแกรมสำเร็จรูปสำหรับงานธุรกิจ (Business Software)
ประเภทของโปรแกรมภาษา
1. ภาษาเครื่อง (Machine Language) เป็นภาษาของเครื่องคอมพิวเตอร์โดยมีโครงสร้างและพื้นฐานเป็นเลขฐาน 2 และตัวสตริง (Strigs) ซึ่งเครื่องสามารถเข้าใจและพร้อมที่จะทำตามคำสั่งได้ทันที ไม่จำเป็นต้องมีโปรแกรมแปลภาษา ประกอบด้วย 2 ส่วนสำคัญ คือ
– ส่วนที่บอกประเภทของคำสั่ง (Operation Code หรือ Op-Code) เป็นส่วนที่จะบอกให้เครื่องประมวลผล เช่น ให้ทำการ บวก ลบ คูณ หาร หรือเปรียบเทียบ เป็นต้น
– ส่วนที่บอกตำแหน่งของข้อมูล (Operand) เป็นส่วนที่บอกให้ทราบถึงตำแหน่งหน่วยของข้อมูลที่จะนำมาคำนวณว่าอยู่ในตำแหน่งใดของหน่วยความจำ
2. ภาษาที่ใช้สัญลักษณ์ (Symbolic Language) ได้ปรับปรุงให้ง่ายขึ้นโดยสร้างรหัส (Mnemonic Code) และสัญลักษณ์ (Symbol) แทนตัวเลขซึ่งเรียกชื่อภาษาว่า ภาษาที่ใช้สัญลักษณ์ ลักษณะโครงสร้างของภาษาสัญลักษณ์จะใกล้เคียงกับภาษาเครื่องมาก คือ ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ Op-Code และ Operands โดยใช้อักษรที่มีความหมายและเข้าใจง่ายแทนตัวเลข
3. ภาษาระดับสูง (High-Level Language) เนื่องจากภาษาที่ใช้สัญลักษณ์ยังคงยากต่อการเข้าใจของมนุษย์ ประกอบกับความเจริญทางด้านซอฟต์แวร์มีมากขึ้น จึงได้มีการพัฒนาให้เป็นคำสั่งที่มีความหมายเหมือนกับภาษาที่มนุษย์ใช้กัน เพื่อให้สะดวกกับผู้เขียนโปรแกรม เช่น ใช้คำว่า PRINT หรือ WRITE แทนการสั่งพิมพ์ หรือแสดงคำว่าใช้คำว่า READ แทนการรับค่าข้อมูลเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นต้น ภาษาระดับสูงตัวอย่างเช่น Visual Basic, C, C++, Java เป็นต้น
ยุคของภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาในยุคที่ 1 (First Generation Language:1GL) เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ภาษาระดับล่าง (Low-level Language)” เป็นภาษาที่เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถอ่านแล้วเข้าใจได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านตัวแปลภาษา ดังนั้นจึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ภาษาเครื่อง (Machine Language)” ซึ่งประกอบด้วยตัวเลขฐานสอง (Binary Code) ที่ใช้เป็นรหัสแทนตัวอักษรหรือข้อความต่างๆ
ภาษาในยุคที่ 2 (Second Generation Language : 2GL) เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ภาษาสัญลักษณ์ (Symbol Language)” เนื่องจากมีการใช้สัญลักษณ์แทนตัวเลขฐานสอง โดยสัญลักษณ์นั้น ก็คือภาษาอังกฤษ ซึ่งอาจจะเป็น 1 ตัวอักษร หรือกลุ่มตัวอักษรก็ได้ เพื่อใช้แทนคำสั่ง 1 คำสั่ง เช่น ภาษาแอสเซมบลี Assembly ซึ่งคำสั่งของภาษาแอสเซมบลี จะถูกนำไปแปลด้วยตัวแปลภาษาที่เรียกว่า “Assembler” เพื่อให้กลายเป็นภาษาที่เครื่องสามารถเข้าใจคำสั่งนั้นได้
ภาษาในยุคที่ 3 (Third Generation Language : 3GL) จัดว่าเป็นภาษาระดับสูง (High-level Language) เนื่องจากมีการใช้ภาษาอังกฤษเขียนเป็นคำสั่งเป็นประโยคและกลุ่มคำที่มีความหมาย ซึ่งใกล้เคียงกับการใช้ภาษาของมนุษย์ จึงทำให้โปรแกรมเมอร์เข้าใจกฎในการเขียนคำสั่งได้ง่ายขึ้น เช่น Basic, Pascal, Fortran, Cobol,C เป็นต้น
ภาษาในยุคที่ 4 (Fourth Generation Language : 4GL) จัดว่าเป็นภาษาระดับสูงเช่นเดียวกัน แต่มีการพัฒนาจากภาษาในยุคที่ 3 ให้มีประสิทธิ ภาพเพิ่มมากขึ้น มีคำสั่งที่สามารถเขียนเป็นภาษาอังกฤษได้มากขึ้น และสามารถนำมาใช้เขียนคำสั่งเพื่อเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลได้ด้วย เช่น Java, Visual Basic
ภาษาในยุคที่ 5 (Fifth Generation Language : 5GL) เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ภาษาธรรมชาติ (Natural Language)” เนื่องจากมีการใช้ไวยากรณ์ที่มีโครงสร้างใกล้เคียงกับภาษาของมนุษย์มากที่สุด จึงเป็นภาษาที่ใช้สำหรับพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert System :ES) และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI)

วันเสาร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2560


สงครามครั้งใหม่กำลังจะเกิดขึ้น สงครามที่เเย่งชิงความเป็นที่ 1


ผีตายทั้งกลม




ผีตายทั้งกลม คือผู้หญิงที่เสียชีวิตในขณะคลอดลูก ถือเป็นการตายโหงรูปแบบหนึ่งที่ทิ้งความทุกข์ทรมานให้แก่ดวงวิญญาณเป็นอย่างมาก นางนาคหรือแม่นาคพระโขนงก็ถือเป็นหนึ่งตัวอย่างของผีตายทั้งกลมเช่นกัน
ผีตายทั้งกลมมักจะสำแดงอาการโดยเที่ยวหลอกหลอนคนทั่วไปในรูปแบบต่างๆ เช่น หากมีใครเดินผ่านหน้าบ้านของหญิงตายทั้งกลมในช่วงกลางคืน มักจะได้ยินเสียงเพลงกล่อมเด็กออกมาจากในบ้านอยู่เสมอ หรือบางครั้งอาจจะมีคนมือยืดยาวนั่งไกวเปลเด็กที่ผูกอยู่บนต้นไม้สูงก็เป็นได้
ส่วนที่มาของคำว่า ตายทั้งกลม ถูกสันนิษฐานว่าน่าจะมาจากคำว่า ตายทั้งกม ซึ่ง กม เป็นภาษาเขมรที่แปลว่า ทั้งหมด นอกจากนี้คำว่า กม ในผีตายทั้งกม ยังถือเป็นคำไทยโบราณเก่าแก่ที่มีจารึกเป็นหลักฐานอยู่ในศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่หนึ่ง และยังมีปรากฎก็ในหนังสือไตรภูมิพระร่วงด้วย
การตายทั้งกลม จึงหมายถึงการตายทั้งแม่และลูกในเวลาเดียวกันนั่นเอง ดังนั้น ผีตายท้องกลมหรือตายทั้งกลมจำเป็นต้องเป็นเฉพาะเพศหญิงเท่านั้น และจำเป็นต้องเสียชีวิตไปพร้อมกันในช่วงเวลาที่แม่คลอดเด็กออกมาด้วย หากแม่คลอดเด็กออกมาแล้วแม่ตายแต่เด็กรอดหรือเด็กตายแต่แม่รอด ก็จะไม่เรียกว่าผีตายทั้งกลมหรือผีตายทั้งกมแต่จะเรียกว่าเป็นผีอย่างอื่นแทน
สำหรับประวัติของผีตายทั้งกลมจะคล้ายๆกันหมด คือเมื่อหญิงสาวแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว หญิงสาวก็จะตั้งครรภ์แต่ก้จะบังเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์บางอย่าง ที่ทำให้หญิงสาวต้องจบชีวิตลงพร้อมลูกน้อยในครรภ์ สำหรับผีตายทั้งกลมถือเป็นผีที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศไทย จนบรรดานักเขียนหนังสือและสร้างภาพยนตร์นิยมนำเอาตัวละครของผีตัวนี้ไปแทรกอยู่ใบบทละครหรือภาพยนตร์เสมอ หนึ่งในนั้นก็คือภาพยนตร์เรื่องดังอย่าง แม่นาคหรือย่านาคพระโขนง ซึ่งเป็นที่กล่าวถึงในเรื่องของความน่ากลัวและพิศดารเหนือกว่าหนังผีเรื่องไหนๆ ซึ่งจะขอกล่าวถึงโดยเฉพาะในตอนต่อๆไป
ผีผู้หญิงมีครรภ์ที่เสียชีวิตพร้อมกับลูกที่อยู่ในท้อง มักเป็นผีที่พ่อมดหมอผีนิยมใช้หากินในด้านการทำเสน่ห์หรือทำน้ำมันพราย พ่อมดหมอผีที่เรียนมาทางด้านไสยศาสตร์มนต์ดำ มักจะชอบตามหาผีตายทั้งกลมเพื่อใช้ในการประกอบพิธีทางไสยศาสตร์ของตนเองอยู่เสมอ
การตระเตรียมข้าวของเครื่องใช้ในพิธีจะเริ่มจากการหาลูกศิษย์หรือสมัครพรรคพวกเพื่อช่วยกันขุดศพในป่าช้าขึ้นมาจากหลุม จากนั้นจึงใช้เทียนลนคางผีตายทั้งกลมเพื่อเอาน้ำเหลืองจากศพมาปลุกเสกทำน้ำมันพราย
สรรพคุณของน้ำมันพรายถือเป็นสิ่งที่บุคคลหลายคนโดยเฉพาะผู้ชายอยากมีไว้ในครอบครอง เพราะขนาดเพียงเท่าขวดยานัดถุ์หมอมีก็สามารถใช้การได้เป็นอย่างดีแล้ว หากเมื่อใดที่เจอสาวคนไหนที่ถูกอกถูกใจ แต่สาวคนนั้นไม่ยอมเล่นด้วย ก็ไม่ต้องตามจีบให้เสียเวลา เพียงแค่เหยาะน้ำมันพรายใส่นิ้วสักหนึ่งถึงสองหยด แล้วดีดหรือป้ายให้ถูกตัวสาวผู้นั้น ทันทีที่สาวเจ้าหล่อนโดนน้ำมันพรายเข้าไปก็จะรู้สึกเคลิบเคลิ้มหลงใหลและมีใจเสน่หาตามมาถึง บ้านทันที อย่างไรก็ตาม มีท่านผู้รู้เคยบอกเอาไว้ว่า หากสาวคนไหนถูกดีดน้ำมันพรายก็จะกลายเป็นคนบ้าใบ้เสียสติไปเลยก็มี ฉะนั้น หากใครไม่อยากจะสร้างบาปกรรมให้กับตัวเอง ก็อย่าได้ริลองใช้น้ำมันพรายเพื่อล่อลวงหญิงสาวเลย มากไปกว่านั้น หากญาติของศพทราบว่าศพนั้นถูกขุดหรือทำลาย ก็อาจจะโดนข้อหาร้ายแรงจนต้องติดคุกติดตาราง ซึ่งคงไม่คุ้มกันแน่นอน
ผีตายทั้งกลมมักจะหากินจากเครื่องเซ่นหรืออาหารที่ญาติๆของตนทำบุญถวายและอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ไม่แตกต่างจากผีธรรมดาทั่วไป แต่ไม่มีแหล่งที่มาไหนที่บอกว่าต้องเอานมกระป๋องไปเซ่นไหวเพื่อเอาไว้เลี้ยงดูลูกด้วยหรือไม่ ผีตายทั้งกลมส่วนใหญ่จะออกไปหลอกหลอนและสร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่พบเจอเสียมากกว่า
และเนื่องจากความดุและน่ากลัว ทำให้ผีตายทั้งกลมส่วนใหญ่เป็นที่กล่าวขานกันไปทั่ว แต่ผีตายทั้งกลมก็ยังกลัวพระ และกลัวเครื่องรางของขลังไม่ต่างอะไรกับผีโดยทั่วไป วิธีจัดการกับผีชนิดนี้จึงจำเป็นต้องพึ่งหมอผีหรือพระอาจารย์ผู้มีวิชาอาคมแก่กล้า ถึงจะสามารถปราบผีเหล่านี้ได้

ผีตายทั้งกลมไม่ต้องมีการถ่ายทอดหรือรักษาเผ่าพันธุ์อะไร เพราะแค่เพียงมีหญิงสาวคนใดที่เสียชีวิตขณะตั้งครรภ์ ก็จะกลายเป็นผีตายทั้งกลมไปโดยปริยาย และโดยทั่วไปมักพบว่าผีตายทั้งกลมจะเป็นผีสาวที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์เพราะหากผ่านพ้นวัยนี้ไปแล้ว ก็คงมีโอกาสตั้งท้องหรือมีครรภ์ต่ำกว่าปกติ โอกาสที่จะเสียชีวิตพร้อมกับลูกในท้องจึงไม่ค่อยมีมากสักเท่าไร
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

วันพฤหัสบดีที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2560

Stage Fighter เดี่ยวฟัดเดี่ยว : มุก - รุนแรงเหลือเกิน [010317]



#รุนแรงเหลือเกิน
ช่างทำรุนแรงเหลือเกิน เกินใจของคนจะทน
ต้องร้อนรนตะเกียกตะกาย อยากจากลาคนทั้งคน
ทำไมถึงทำง่ายดาย ไม่เห็นใจบ้างเลย


รุนเเรงเหลือเกินเพลงที่ทำให้มุกชนะรายการ Stage Fighter เดี่ยวฟัดเดี่ยว

วีคนี้มีความรู้สึกเบาๆว่า เราใกล้ได้ #TheFaceThailandseason3 ของจริงกลับมาแล้ว อย่างน้อยพี่ช่าก็พูดเยอะขึ้น



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ the face thailand 3 ep4
ในวีคนี้ เป็นวีคที่เรียกว่าดรอปได้เลยค่ะ การตีโจทย์ของเมนเทอร์บี พยายามสร้างเรื่องราว ให้มีบทคู่เบี้ยน ทับทิม ข้าว อยู่มุมซ้าย บทสาวขี้อ่อยแบบ บลอสซั่ม อยู่มุมขวา บทเย้ายวน ชวนเชิญ เป็นของเทียที่มุมล่าง ในขณะที่สกายยืนถือโปรดักซ์ขายกันเน้นๆ เรียกได้ว่าสะเปะสะปะไปหมด ไม่เป็นเรื่องเดียวกัน
แต่ที่เลวร้ายที่สุด คงเป็นมู้ดแอนด์โทนที่เมนเทอร์บีพยายามโค้ชน้องๆ ไร้ซึ่งบรรยากาศความเอ็นจอย เด็กๆเกร็งไปหมดแล้วจ้า ซึ่งผลน่าจะเกี่ยวเนื่องมาจากการจัดวางโพสิทชั่นด้วย คนที่โดนดุที่สุดเป็นบลอสซั่ม ท่าโพสหันหลังแบบนั้นไม่ใช่ท่าที่ทำได้ง่ายเท่าไรเลย การถูกขู่ด้วยคำว่า ทีมแพ้” “เข้าห้องดำเรียกได้ว่าพากันเฟลลงเหวไปเลยค่ะ TeamBee แคมเปญนี้ตกน้ำไปเลย จริงๆบางทีพี่บีอาจจะแค่ออมมือให้อีก 2 เมนเทอร์หรือเปล่านะ?

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ the face thailand 3 ep4
กลยุทธ์ในการตีโจทย์ของเมนเทอร์เกด ที่บอกเลยว่าตรงกับภาพต้นฉบับมากจริงๆ แทบจะเอา ใหม่ ดาวิกา มาแปะลงในรูปอีกคนก็ยังเนียนอยู่ ถ่ายได้ดีจริง ใช้ได้หลายรูป แต่ก็อีกนั้นล่ะที่โปรดักซ์โชว์หราแบบจงใจมากเกินไปหรือเปล่า? 
ในด้านของสไตล์การโค้ชลูกทีมแล้ว เมนเทอร์ลูกเกดใช้การบิ้วอารมณ์ร่วมเข้าไป สร้างสถานการณ์สมมติให้กับลูกทีม ส่งเสียงสร้างบรรยากาศคึกคัก ดูผิวเผิน เผลอคิดไปว่ากำลังอาบน้ำให้ลูกสาวอยู่

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ the face thailand 3 ep4
ในขณะที่ภาพของ #TeamMarsha กลับตอบโจทย์ได้เป็นธรรมชาติที่สุด และไม่ดูยัดเยียดมากเกิน จากด้วยประสบการณ์การขายครีมอาบน้ำมาก่อนของพี่ช่า ทำให้พี่ช่าตีโจทย์แคมเปญออกมาได้อย่างเข้าใจ ไม่เน้นเซ็กซี่  ให้ยิ้มแย้มแจ่มใสเข้าไว้ อีกทั้งในการโค้ชที่แสนละมุน ใจดีของพี่ช่า ทำให้มู้ดแอนด์โทนเข้ากันกับแคมเปญไปหมด ปรบมือ!

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ก่อนจะมาถึงฉากในห้องดำ วีคนี้พี่ช่าได้ซีนไปไม่น้อยเลยนะคะ จู่ๆคุณแม่ก็พูดได้ขึ้นมา อย่าหาว่าแซะ แต่วีคนี้ลูกๆโดนกันไปกี่ดอกแล้วคะ
บอกเลยว่าแม่ลงประทับร่างแล้วค่ะ แต่ผิดหวังนิดหน่อยที่สุดท้ายตอนออกจากห้องดำ แม่ไม่ได้คอมเมนท์อะไรทั้งนั้น อุส่าต์ลุ้นว่าจะออกมาวีนกันยังไง สุดท้ายต้องให้พี่เกดมาเก็บเบื้องหลังชวนแม่ช่าตีซะงั้น
จนได้แคปชั่นฮิตมาอีกคำ โลกไม่ได้หมุนรอบตัวเกดนะ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ the face thailand 3 ep 4 เม็ดพลอย
เพิ่มเติมดราม่ากับกรณีของเม็ดพลอย ที่เธอยังอยู่กับมายด์เซ็ตที่ว่า ยังไงสาวสอง ก็ไม่สามารถขึ้นแท่นเป็นถึงนางเอกได้หรอก แต่หนูเป็นได้ จริงๆเม็ดพลอยก็ไม่มีราศีถึงระดับนางเอกนะ ดูภายนอกแล้วเห็นชัดว่าบลอสซั่มยังได้เปรียบกว่าในอะไรหลายๆอย่างอยู่ แต่ทั้งนี้สิ่งที่เธอพูดออกมาก็ทำให้กลายเป็นประเด็นย่อมๆ ในเรื่องของสิทธิในสาวประเภทสอง ต่อความเป็นผู้หญิงที่เท่าเทียมกันแล้วล่ะ




 


วันพุธที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2560

Stage Fighter เดี่ยวฟัดเดี่ยว : มุก - แตกต่างเหมือนกัน





#แตกต่างเหมือนกัน

บนเส้นทางที่ต่าง มีใครสักคนมั้ย
ที่มองเห็นทุกอย่าง เข้าใจที่ฉันเป็น
เลือกเดินก้าวผ่าน ทางเดียวเหมือนกันกับฉัน
แตกต่างเหมือนกัน

จบไม่พร้อมกัน - AOF PONGSAK【OFFICIAL MV】



#จบไม่พร้อมกัน

การเดินทางของหัวใจเราเริ่มมันพร้อมพร้อมกันแต่เราจบไม่พร้อมกัน
จบไปตอนไหน ทำไมไม่เห็นรู้เรื่องเลยเธอบอกเลิกฉัน ทั้งทั้งที่ฉันยังรักเธอมันเจ็บสุดสุดแล้ว อีกนานแค่ไหนที่หัวใจจะเลิกเพ้อจะเลิกรักเธอยังไงไม่รู้เลย ฉันไม่รู้เลย